ปรับเมนูให้เข้าถึงง่ายขึ้นhow to find seo errors in website

เริ่มจากสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองข้าม: ความเร็ว

เคยรอเว็บโหลดเกิน 5 วินาทีมั้ย?

ถ้าใช่ แสดงว่าคุณก็รู้แล้วว่า “คนจะไม่รอ”
โหลดช้า = ปิดทันที

สิ่งที่ควรตรวจคือ:

  • รูปใหญ่เกินไปมั้ย?

  • มีปลั๊กอินที่ไม่จำเป็นเยอะมั้ย?

  • โค้ดเยอะจนอ่านช้าหรือเปล่า?

  • โฮสท์ที่ใช้ไวพอรึยัง?

มีหลายเครื่องมือให้ลองใส่ลิงก์เว็บแล้วเช็กความเร็ว
ไม่ต้องเป็นสายไอทีก็ใช้ได้


ลิงก์เสีย = ความน่าเชื่อลดทันที

ลองจินตนาการว่าคุณคลิกปุ่ม “อ่านเพิ่มเติม”
แล้วเจอข้อความว่า “404 not found”

ความรู้สึกมันเหมือนถูกปฏิเสธ

ลิงก์ที่พังไม่ว่าจะเป็นลิงก์ในเว็บตัวเอง หรือออกนอกเว็บ
ถ้าเยอะไป จะทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่าเว็บนี้ “ไม่ดูแล”

เพราะงั้น วิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่ม how to find seo errors in website
คือ “คลิกเล่นเว็บตัวเอง” ดูเลยครับ


ชื่อหน้าซ้ำกัน = ระบบงง คนก็งง

ลองดูชื่อหัวข้อในแต่ละหน้า เช่น…

  • “สินค้าใหม่”

  • “บริการของเรา”

  • “เกี่ยวกับเรา”

ถ้ามีหลายหน้าที่ชื่อคล้ายกัน
คนจะสับสน
ระบบก็ไม่รู้จะแนะนำหน้าไหนก่อน

ลองเปลี่ยนชื่อหน้าให้เฉพาะเจาะจงขึ้น เช่น…

  • “สินค้าใหม่ประจำเดือนสิงหาคม”

  • “บริการจัดส่งด่วนทั่วประเทศ”

  • “ทีมงานของเรา – ผู้เชี่ยวชาญด้าน…”

แบบนี้ทั้งคนทั้งระบบจะเข้าใจชัดขึ้นทันที

how to find seo errors in website


โครงสร้างเมนูเว็บ = ทางด่วนหรือทางตัน

บางเว็บซ่อนข้อมูลไว้ลึกเกินไป
กว่าจะเจอ ต้องกดเมนูย่อย 3 ชั้น

คุณต้องทำให้ทุกหน้า “หาเจอภายใน 2 คลิก”

ลองให้เพื่อนที่ไม่เคยเข้าเว็บคุณลองใช้งาน
แล้วดูว่าเขาใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะเจอสิ่งที่คุณต้องการให้เขาเห็น


หน้าไม่มีเนื้อหา = หน้าเปล่าที่ไม่มีใครอยากอยู่

บางเว็บมีหน้าที่เปิดเข้าไปแล้วเจอแค่รูปกับปุ่ม
ไม่มีคำอธิบาย
ไม่มีหัวข้อชัดเจน
ไม่มีข้อมูลให้คนเข้าใจว่ากำลังดูอะไร

แบบนี้เรียกว่า “หน้าว่างแบบซ่อนรูป”
อย่าลืมเพิ่มข้อความสั้น ๆ หรือวิดีโอสั้น ๆ ก็ได้
ให้คนรู้ว่าหน้านั้นสร้างขึ้นเพื่ออะไร


คำที่ใช้ = คนพิมพ์จริงหรือเปล่า?

ลองเช็กดูว่า…

คุณใช้คำที่ “สวย” แต่ไม่มีใครเสิร์ชหรือเปล่า?

เช่น แทนที่จะใช้คำว่า “ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม”
คนอาจจะพิมพ์ว่า “ครีมหน้าใส” หรือ “ครีมรักษาสิว”

การที่คุณใช้คำไม่ตรงกับสิ่งที่คนหา
ทำให้เว็บของคุณ “สวยแต่ไม่โดน”

ลองพูดกับตัวเองว่า “ถ้าเราเป็นลูกค้า เราจะพิมพ์ว่าอะไร?”


รูปเยอะไป โหลดไม่ทัน

รูปช่วยให้เว็บดูดี
แต่ถ้าไฟล์ใหญ่เกินไป
โหลดช้าขึ้นจริง ๆ

ให้ปรับขนาดไฟล์ให้เหมาะ
ใช้ WebP หรือ JPEG ที่บีบอัดแล้ว
อย่าใช้ PNG ถ้าไม่จำเป็น

และอย่าลืมใส่ “คำอธิบายใต้ภาพ”
เผื่อภาพไม่โหลด คนยังเข้าใจอยู่


บทความยาวไป = คนอ่านไม่จบ

บางบทความเขียนดีนะ
แต่ยาวเกินจนคนเลื่อนผ่าน

แบ่งหัวข้อให้ชัด
ใส่ Bullet Point
มีภาพแทรกบ้าง
และเว้นวรรคให้พอ

แบบนี้คนจะอ่านได้ไหลลื่น
อยู่ได้นาน
ซึ่งนั่นแหละเป็นสัญญาณว่าบทความมีคุณภาพ


มีแต่เนื้อหา ขาด “เป้าหมาย”

เขียนบทความดีแล้ว
แต่มันนำไปสู่อะไร?

อย่าลืมใส่ “ปุ่ม” หรือ “ลิงก์” ให้คนไปหน้าอื่น

เช่น…

  • อ่านต่อที่…

  • สั่งซื้อเลย

  • สมัครสมาชิก

  • ติดต่อเรา

เพราะถ้าคนเข้าเว็บแล้วไม่รู้จะไปไหนต่อ
เขาก็จะ “ออก” ไปเลย


เช็กเว็บตัวเองเหมือนเช็กสุขภาพ

เหมือนเวลาเราตรวจสุขภาพประจำปี
เว็บก็ต้องตรวจเช่นกัน

วิธีง่าย ๆ คือ…

  • เปิดเว็บจากมือถือ

  • ดูจากสายตาคนทั่วไป

  • ลองคลิกทุกลิงก์

  • ลองหาอะไรบางอย่างจากเมนู

  • ลองค้นหาเว็บคุณจาก Google แล้วดูว่าขึ้นหน้าไหน

จากนั้นจดไว้ในไฟล์ ว่าเจอปัญหาอะไร
แล้วค่อยแก้วันละนิด


สรุปแบบง่าย ๆ

how to find seo errors in website ไม่ใช่เรื่องยาก
คุณไม่ต้องเก่งเทคนิค
แค่ใช้ “สายตาและความรู้สึก” ของคนใช้งานจริง

  • เช็กว่าเว็บโหลดเร็วพอมั้ย

  • ลิงก์พังมั้ย

  • เมนูซับซ้อนเกินไปมั้ย

  • หน้าไหนไม่มีเนื้อหา

  • คำที่ใช้ตรงกับสิ่งที่คนหาไหม

  • มีภาพที่ช่วยอธิบายจริงหรือเปล่า

  • เนื้อหายาวเกินหรือน้อยเกิน

  • ทุกหน้ามีจุดชวนไปต่อไหม?

ถ้าคุณตรวจเจอทีละจุด
แล้วค่อย ๆ แก้
เว็บของคุณจะเริ่มเปลี่ยนไปแบบมีหลักฐาน

Facebook
Twitter
Email
Print